ชั้น 29 ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์

999/9 พระราม 1 กรุงเทพฯ 10330

บริการตลอด 24 ชั่วโมง

ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด

0-2107-3466

โทรเลย

ข่าว Design รวมเทรนด์สี (Color Trend) และ Web Design สำหรับปี 2023

รวมเทรนด์สี (Color Trend) และ Web Design สำหรับปี 2023

ในการออกแบบเว็บไซต์นั้น การอัปเดตทั้งเทรนด์สี (Color Trend) และ Web Design ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นตัวเลือกที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูทันสมัย น่าสนใจ และสามารถดึงดูดให้ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ วันนี้เราจะพาคุณมาอัปเดตเทรนด์เหล่านี้กัน มาเริ่มดูกันเลย !

เทรนด์สี (Color Trend) สำหรับปี 2023

สีในปี 2023 นี้จะสื่อสารและเชื่อมโยงกับดัชนีทางอารมณ์ของผู้บริโภค ซึ่งหมายถึงการจัดการกับภาวะทางอารมณ์ที่หลากหลาย สีสันในปีนี้จึงอยู่ในเฉดที่ให้ความรู้สึกของการมองโลกในแง่ดีและมีความหวัง ความมั่นคงและชัดเจน ขณะที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ อยู่เสมอ

Color Trend
1. Elfin Yellow (สีเหลืองอ่อน) เป็นสีที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีมินิมอล เนื่องจากให้ความรู้สึกอ่อนโยน ออร์แกนิค สบายตา และเผยความเป็นธรรมชาติได้ดี
2. Golden Apricot (สีส้มแอปริคอต) เป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สนุกสนาน อิสระ และการมองโลกในแง่บวกมากขึ้น ช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตัวและสดชื่น
3. Lime Green (สีเขียวมะนาว) สีนี้เชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อมและสุนทรียภาพบนโลกดิจิทัล ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สนุก มีชีวิตชีวา
4. Deep Lake (สีเขียวอมฟ้า) เป็นสีที่ใช้ขับเคลื่อนสำหรับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม แสดงออกถึงสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมทางเพศ รวมไปถึงให้ความรู้สึกปลอบประโลม แสดงถึงความหวัง การฟื้นฟู และการเปิดใจ
5. Scarlet Sage (สีแดงก่ำ) สีนี้ถูกพัฒนามาจากกลุ่มสี Artisanal Red และคาดว่าจะเป็นเฉดสีหลักในฤดูร้อนปี 2023 เพราะมันตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคในการกระตุ้นอารมณ์ เติมพลัง และความหลงใหล
6. Phlox (สีม่วงเข้ม) เป็นสีที่ถูกนิยามด้วยแนวคิดด้านดิจิทัล เชื่อมโยงกับโลกเมตาเวิร์ส โลกเสมือนที่ถูกสร้างจากความเหนือจริงแบบ 100% รวมไปถึงเชื่อมโยงระหว่างดิจิทัลกับโลกแห่งจิตวิญญาณ
7. Moonless Night (สีดำเทา) สีดำจัดอยู่ในกลุ่มสีคลาสสิกที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ และมักเป็นตัวแทนของความลึกลับ ความเย้ายวน ความหรูหรา ตลอดจนให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมา

เทรนด์ Web Design สำหรับปี 2023

การอัปเดตเทรนด์ Web Design ก็เป็นอะไรที่จำเป็นมาก เพราะปีเก่าผ่านไป เทรนด์ใหม่ก็มา ดังนั้นถ้าไม่อยากตกเทรนด์แล้วละก็ มาอัปเดต เทรนด์ Web Design ในปี 2023 นี้กัน
1. Increased Web Accessibility เทรนด์การออกแบบเว็บไซต์ให้เข้าถึงได้ง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทุกคน รวมไปถึงผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายในด้านต่าง ๆ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ทุกเว็บไซต์ควรมี ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ที่มีวิดีโอแบบฝังควรมีคำบรรยายเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นเข้าใจเนื้อหาได้
2. Nostalgia หากคุณยังชื่นชอบสไลต์การออกแบบของยุค 80s หรือ 90s อยู่นั้น คุณไม่ได้เหงาอยู่คนเดียวแน่นอน เนื่องจากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้คนหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตมากขึ้น ตอนนี้มันจึงมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงกราฟิกต่าง ๆ บนเว็บไซต์

3. Artificial Intelligence ในปัจจุบันนี้แทบไม่มีใครหลีกเลี่ยงอิทธิพลของ AI ที่เข้ามามีบทบาทในการออกแบบไปจนถึงการเขียนคำโฆษณาได้ เพราะมันช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงผู้ใช้ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณนำ AI Chatbot มาใช้ก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามหรือได้รับการบริการเบื้องต้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของคุณออฟไลน์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ประทับใจในบริการของคุณมากขึ้นได้

4. Augmented Reality เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้แบรนด์จำนวนมากนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ร่วมกับเว็บไซต์ ซึ่งการเอาเทคโนโลยี AR มาใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดให้กับผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น IKEA Studio ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างภาพ 3 มิติของแต่ละห้องผ่านสมาร์ทโฟนได้ ทำให้ง่ายต่อการเลือกเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ลูกค้ากำลังสนใจ

5. Mobile-Friendly Design การออกแบบที่เหมาะสมกับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟน เป็นสิ่งที่สำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ เพราะปัจจุบัน ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ผ่านสมาร์ทโฟน หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับการแสดงผลบนสมาร์ทโฟนรวมไปถึงแท็บแล็ตต่าง ๆ อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้

6. Minimalism ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเว็บไซต์แปลกใหม่ที่มีอนิเมชันแปลกตาเสมอไป ความเรียบง่ายก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ในการออกแบบเว็บไซต์ หรือที่เราเรียกกันว่า สไตล์มินิมอล นั่นเอง ซึ่งเป็นการใช้สีและองค์ประกอบเท่าที่จำเป็นในการออกแบบ จะช่วยให้เว็บไซต์มีความสบายตามากขึ้น ไม่ดูลายตาจนมากเกินไป

7. Microinteraction เป็นเทรนด์ในการทำอนิเมชันเล็ก ๆ บนเว็บไซต์ เช่น เมื่อเราคลิกส่วนใดส่วนนึงของหน้าเว็บก็จะมีอนิเมชันเล็ก ๆ เด้งขึ้นมา เป็นการแสดงให้ผู้ใช้รับรู้ถึงการตอบสนองและความคืบหน้าของเว็บไซต์ผ่านอนิเมชันที่ขยับเมื่อมีการคลิก หรือการป้อนข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์

8. Dark Mode การใช้โหมดแสดงผลแบบดาร์กโหมด (Dark Mode) ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาก เพราะมันช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านข้อความต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นในพื้นหลังสีเข้ม และยังช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดแบตเตอรี่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของพวกเขาได้อีกด้วย

ก็จบกันไปแล้วกับการอัปเดตเทรนด์ทั้ง 2 เทรนด์ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปี 2023 ซึ่งการนำเทรนด์เหล่านี้มาใช้ในการออกแบบเว็บไซต์ จะทำให้เว็บไซต์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น และยังถือเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าพลาดที่จะนำเทรนด์เหล่านี้ไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณ รับรองเลยว่าเว็บไซต์ของคุณจะดูทันสมัย และไม่ตกเทรนด์แน่นอน