หากผู้ใช้ลบไฟล์จาก OneDrive โดยไม่ตั้งใจ และยังอยู่ภายในระยะเวลาที่ระบบเก็บไว้ สามารถกู้คืนได้ทันทีผ่าน Recycle Bin โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์แอดมินหรือเครื่องมือพิเศษใด ๆ ทำได้โดย
เริ่มจากการตรวจสอบไฟล์ใน Recycle Bin
ใช้ได้ในกรณีที่ผู้ใช้ ยังไม่ได้ล้างถังขยะ หากพบไฟล์ที่ต้องการ สามารถกู้คืนได้ทันที และไฟล์จะกลับไปยัง ตำแหน่งเดิมก่อนถูกลบ โดยอัตโนมัติ
ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่ https://onedrive.live.com

ขั้นตอนที่ 2 Login ด้วยบัญชี Microsoft 365

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้คลิกแถบ “Recycle bin” ด้านซ้าย (สัญลักษณ์ถังขยะ)

ขั้นตอนที่ 4 และ 5 เลือกไฟล์ที่ต้องการ แล้วคลิก “Restore”

ระบบทำการกู้คืนข้อมูลของคุณ เรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ
- Recycle Bin ปกติ สามารถกู้คืนได้ภายใน 30 วัน หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ไฟล์จะถูกลบถาวร (เว้นแต่องค์กรตั้งค่า Retention/Backup ไว้ล่วงหน้า)
- วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะในกรณีที่ไฟล์ยัง ไม่ถูกลบจาก Recycle Bin หากไฟล์ถูกลบออกจากถังขยะไปแล้ว (Empty Recycle Bin) จะต้องใช้วิธีอื่น เช่น Second-stage Recycle Bin ซึ่งต้องใช้สิทธิ์ระดับแอดมิน
สูงกว่า
วิธีป้องกันไฟล์หายด้วยการเปิดใช้งาน Files On-Demand
หลายคนลบไฟล์ OneDrive เพราะ “พื้นที่ในเครื่องไม่พอ” ทั้งที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องลบเลยแค่เปิดใช้ฟีเจอร์ Files On-Demand ไฟล์ทั้งหมดจะยังแสดงอยู่ในโฟลเดอร์ OneDrive ตามปกติ แต่ไฟล์จะถูกดาวน์โหลดมาเฉพาะตอนที่คุณเปิดใช้งาน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ในเครื่อง และลดความเสี่ยงที่จะลบไฟล์ผิดโดยไม่ตั้งใจ
เริ่มจากการเปิดแอป OneDrive บนเครื่อง
ขั้นตอนที่ 1 ไปที่ มุมล่างขวาของหน้าจอ แล้วคลิกขวาที่ ไอคอน OneDrive (รูปเมฆ) จากนั้นไปที่
ขั้นตอนที่ 2 เลือก Settings เพื่อเข้าสู่หน้าตั้งค่า

ขั้นตอนที่ 3 หาก OneDrive ยังไม่ได้เชื่อมบัญชี ระบบจะเริ่มขั้นตอนการตั้งค่าโดยอัตโนมัติ ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft 365 ของคุณ

จะปรากฏหน้าจอ Your OneDrive folder
ขั้นตอนที่ 4 ตรวจสอบตำแหน่งโฟลเดอร์ OneDrive ของคุณ หากไม่ถูกต้อง ให้คลิก “Change location” เพื่อเลือกใหม่ จากนั้นไปที่
ขั้นตอนที่ 5 หากคุณใช้โฟลเดอร์เดิม ให้คลิก Next เพื่อดำเนินการต่อได้เลย

ขั้นตอนที่ 6 หากมีข้อความขึ้นว่า “A OneDrive folder already exists on this PC” ให้คลิก “Use this folder” เพื่อใช้โฟลเดอร์เดิม
จากนั้น คลิก “Next” แล้วระบบจะเปิดใช้งาน Files On-Demand ให้อัตโนมัติในขั้นตอนถัดไป

ระบบจะแสดงหน้าจอให้เลือกว่า จะสำรองข้อมูลโฟลเดอร์ (Back up) บนเครื่องหรือไม่
ขั้นตอนที่ 7 เลือก “Start backup” หากต้องการเปิดใช้งาน หรือคลิก “I’ll do it later” ซึ่งถ้าหากเน้นประหยัดพื้นที่ ให้เลือกข้ามขั้นตอนนี้ไปก่อน

ระหว่างขั้นตอนการตั้งค่า OneDrive ให้กด Next ไปเรื่อย ๆ จนเจอหน้าจอ “All your files, ready and on-demand” นั่นแสดงว่า Files On-Demand เปิดใช้งานแล้ว พร้อมอธิบายสถานะของไฟล์แต่ละประเภท
ตามภาพ

ขั้นตอนที่ 8 หลังจากปรากฏหน้าจอนี้ ก็สามารถคลิก Next ได้เลย โฟลเดอร์ของคุณพร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว
หมายเหตุ: หากคุณไม่เห็นหน้าจอ “All your files, ready and on-demand” อาจเป็นเพราะฟีเจอร์ Files On-Demand เปิดใช้งานไว้แล้ว
คุณสามารถตรวจสอบได้โดย คลิกขวาไฟล์ในโฟลเดอร์ OneDrive หากพบเมนู “Free up space” หรือ “Always keep on this device” แสดงว่าฟีเจอร์นี้เปิดใช้งานเรียบร้อยแล้วนั่นเอง
ให้การจัดการ Microsoft 365 เป็นเรื่องง่าย และอุ่นใจไปกับ NTS